17 Mar 2005

"เบาสบายในความรื่นรมย์" : รูมี่

ความรักพรากเอาวัตรปฏิบัติของข้าไป
หากเติมเต็มหัวใจข้าด้วยบทกวี
ข้าพยายามจะบอกตัวเองซ้ำ ๆ
ว่าข้าไม่หนักแน่นพอ
ท่านต่างหากที่แกร่งกว่า
แต่แล้วข้าก็ไม่สามารถบอกได้ดังว่า

ข้าจะปรบมือและร่ำร้องบทเพลงละนะ
แม้ว่าข้าจะเคยน่าเคารพ
เคยถือพรหมจรรย์ และแน่วแน่
แต่ใครเล่า จะทานแรงพายุไหว
ใครจะไปจดจำสิ่งเหล่านั้นได้เล่า

ขุนเขาซับเสียงสะท้อนได้ลึกซึ้งฉันใด
ข้าก็สดับสำเนียงของท่านได้ลึกซึ้งปานนั้น
ข้าเป็นเพียงเศษไม้ที่ถูกโยนเข้าไปในไฟของท่าน
ซึ่งมอดไหม้กลายเป็นควันในบัดดล

เมื่อข้ามองท่าน ข้าได้กลายเป็นความว่างเปล่า
ความว่างเปล่านี้เอง ที่งดงามเสียยิ่งกว่าการดำรงอยู่
แม้ความว่างจะได้ทำลายการดำรงอยู่จนสิ้นสูญ
กระนั้น เมื่อความว่างปรากฏ
การดำรงอยู่กลับยิ่งเฟื่องฟู งอกงาม และสรรค์สร้างชีวิตใหม่

ท้องฟ้าเป็นสีคราม
โลกก็เหมือนคนตาบอดซึ่งนั่งยอง ๆ อยู่ข้างถนน
ต่อเมื่อใครผู้ใดเห็นความว่างเปล่าของท่าน
เขาผู้นั้นจักมองทะลุฟ้าสีคราม
และผ่านเลยคนตาบอด
วิญญาณอันยิ่งใหญ่ แฝงกายอยู่ในฝูงชน
เฉกเช่นพระมูฮัมมัด และพระเยซูท่อมไปกลางเมืองใหญ่ที่ซึ่งไม่มีใครรู้จัก

สรรเสริญก็คือสรรเสริญ
คือการสิโรราบแก่ความว่างเปล่า
สรรเสริญดวงตะวัน
ไม่ต่างอะไรกับชื่นชมดวงตาของตัวเอง
แล้วการสรรเสริญมหาสมุทรเล่า
พวกเราจะว่าอย่างไร เจ้าเรือลำน้อย

ก็เดินทางท่องทะเลกันต่อไป
ใครจะรู้ได้ ว่าอยู่หนไหนแล้ว
ขอเพียงอยู่ในอ้อมประคองแห่งท้องน้ำ
ก็นับเป็นโชคอันประเสริฐ
นั่นเท่ากับได้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มอิ่ม

จะโศกเศร้าไปใยให้กับความหลับไหล
มันไม่สำคัญหรอก ว่าเราได้สูญสำนึกไปนานแค่ไหนแล้ว
ถึงเราจะอ่อนไหวเปราะบางไปบ้าง
ไม่เป็นไร ขอเพียงอย่ารู้สึกผิดจนเกินไป

มาสัมผัสความอ่อนโยนที่เคลื่อนอยู่รอบตัวกันดีกว่า
แล้วเบาสบาย..ในความรื่นรมย์
..................................................................
เบาสบายในความรื่นรมย์
บทกวีซูฟี ของ รูมี่
ร่วมกันแปลโดย ณัฐฬส วังวิญญู และ น้าส้ม
เพื่อใช้ในกิจกรรมภาวนาแบบซูฟี : เปิดหัวใจให้รักโลก ก.พ.๔๖

* ความหมายของคำว่า ความรัก ในบทกวีซูฟี คือสายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระผู้เป็นเจ้า
..................................................................